วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

FAMAS















FAMAS ปืนไรเฟิ่ลจู่โจมBullpup จากฝรั่งเศษ โดย St-Etienne Arms Factory เป็นไรเฟิลจู่โจมBullpup Rifleรุ่นแรกของโลกเลยครับ ครั้งแรกที่มันออกมา ทำให้วงการทหารตกใจกันยกใหญ่ นี่มันปืนอะไรนี่ใส่แม็กไว้ด้านหลัง ไกปืน แต่ประสิธิภาพนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าM16 เลย ด้วยความเป็นBulpupนี่เอง ทำให้ได้เปลียบ M16 มากทีเดียว





FAMASเริ่มโครงการในปี67 และสำเจ็จเป็นปืนต้นแบบในปี 72 ในปี78ได้เข้าประจำการแทนSIG-540 ที่ประกำการอยู่เดิม ในชื่อFA-MAS F1(รูปแรก)




FAMAS ใช้ลูกกระสุนขนาด5.56x45Nato ขับดันลูกเลื่อนด้วยระบบลูกสูบ ความยาวลำกล้องในรุ่นมาตฐานคือ 488มิลลิเมตร ตัวปืนยาวรวม 757 มิลลิเมตร น้ำหนักก็ไม่มากราวๆ 3.7กิโลกรัมโดยไม่ใส่แม็กกาซีน ความเร็วปากลำกล้องทำได้พอๆกับM16เลยทีเดียว และอัตราการลั่นกระสุนสูงถึง 900-1100นัดต่อนาทีเลย




FAMAS มีโหมดการยิงถึง4โหมด คือ เซฟ เซมิออโต้ 3นัดเบริส และฟูลออโต้ ตัวปรับโหมตการยิงอยู่ข้างหลังช่องใส่แม็ก ทำให้ยากต่อการบริหารซักหน่อย แต่FAMASก็มีเซฟอีกชั้นที่หน้าไกปืน โดยเราสามารถเข้าโหมดการยิงไว้ได้ก่อนและใช้เซฟห้าไกนี่ช่วยเพื่อลดความไม่ สะดวกในการปรับโหมด
เนื่องจากFAMASเป็นปืนที่ลำกล้องค่อนข้างยาวประกอบกับมีพื้นที่เหลือเฟือ(ละมั้ง   ) จึงได้มีการติดตั้งขาทรายไว้ในFAMASแทบทุกรุ่น เพิ่อใช้ในการหมอบยิงเพิ่มความแม่นยำนี่เอง







FAMAS F1 ใช้แม็กกาซีนเฉพาะตัวบรรจุ25นัด และได้เปลี่ยนไปใช้แม็กแบบM16 ในรุ่นG2 และเปลี่ยน กลิ๊บจับ และแฮนการ์ด รวมถึงโกร่งไกใหม่ด้วย ดูเอาจากในภาพนะครับ และพัฒนาอะไรหลายๆอย่างทำให้ในรุ่นG2มีพิศักทำการมากกว่าF1 ราวๆ150เมตร(เดิมราวๆ300เมตร) และได้มีการพัฒนาเป็นรุ่นต่างๆ โดยมีความยาวลำกล้องต่างๆออกไป

Steyr AUG

Steyr AUG


AUG A1

AUG A2

AUG A3







                                                                             


ก่อน จะเข้าเรื่องของAUG มารู้จักกับคำว่าBullpupกันก่อนดีกว่าครับ คำๆนี้หมายถึง ปืนที่มีรังเพลิงและชุดลูกเลื่อนอยู่หลังไกปืนครับสังเกตุง่ายๆเลยจะใส่แม็ก กาซีนไว้ด้านหลังด้ามจับครับ ทำให้ลำกล้องยาวมากครับ ลำกล้องจะยาวตลอดตัวปืนจนถึงช่องคัดปลอกทำให้มีความยาวตรงส่วนบนไกปืนด้วย เลยทำให้Bullpupได้เปลี่ยวปืนแบบเก่าในเรื่องความแม่นยำที่มากกว่าในความยาว ตลอดตัวปืนที่เท่ากัน








AUG เองเป็นปืนBullpupที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกตัวนึงเหมือนกันครับผลิดโดยSteyr ประเทศออสเตรีย และด้วยความที่มันเป็นโพลิเมอร์กว่า60%จึงน้ำหนักเบาแต่ก็ไม่เบามากนะครับ 4กิโลกว่าๆ พร้อบบรรจุกระสุนเต็ม แต่ข้อเสียของAUGอยู่ที่ด้านน้ำหนักของมันจะเทไปอยู่ที่พานท้ายปืน ซึ่งทำให้มือข้างที่เหนี่ยวไกปืนเมื่อยได้ง่าย แต่ได้มีการพัฒนาเรื่อยมาจนทำให้น้ำหนักบาลานซ์กัน 50:50 ในรุ่นAUGA3
ด้วย การเป็นBuulpupนี่เองทำให้ลำกล้องของมันยาวได้ถึง509mmกับความยาวโดยรวม เพียง 800กว่าmm เท่านั้นเองทำให้ได้เปลียบเรื่องการคล่องตัวกับปืนแบบเก่า อย่างM16 ที่มีลำกล้องยาวเท่ากันอย่างM16 ที่ยาวถึง1เมตรหรือ1000mm แต่เห็นอย่างงี้ AUG เก่ามากเลยนะครับเพราะว่ารุ่นต้นแบบมันถูกสร้างในปี1977 และเป็นAUGแบบทุกวันนี้ในปี1978
ใช้ลูกกระสุนขนาด5.56x45Natoบรรจุใน แม็กกาซีนใส30นัด แถมด้วยการถอดประกอบปืนที่ไม่ต้องใช้สลักไดๆยึดไว้เลยแต่หมุนปลดล็อกนิดหน่อย ก็สามารถถอดชุดลำกล้องออกมาเปลี่ยนได้ด้วยความเร็วไม่ถึง1นาที
โหมดการ ยิงของAUGมีด้วยกัน3โหมด แต่ที่พิเศษกว่าปืนทั่วๆไปคือไม่มาสวิตชปรับโหมด มีแค่เซฟกับยิงที่ใช้การเลื่อนซ้ายกว่าเท่านั้น การเลือกยิงของมันอยู่ที่ระยะการลั่นไกครับ คือไกจะมี2จังหวะ ถ้ากดครึ่งไกจะยิงเซมิ ถ้าเหนี่ยวไกจนสุดจะยิงออโต้


ทำให้สามารถเลือกยิง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียสมาธิไปปรับโหมด บางคนสงสัยว่าถ้าเหนี่ยวแรงเกินไปหละมันไม่ลั่นออโต้หรอ คำตอบคือไม่ครับ ครึ่งไกเซมินั้นมีน้ำหนักไกที่เบากว่าออโต้ครับคือเราเหนี่ยวไปแล้วมันจะไป ยุดอยู่ครื่องไกเองแล้วต้องออกแรงเพิ่มอีกนิดหน่ยถึงจะเข้าโหมดออโตครับ


AUGแบ่ง เป็ยรุ่นหลักๆได้3รุ่นคือ A1 A2 A3 ซึ่งA1-2แตกต่างกันเพียงแค่ A1มีสโคปที่เป็นหูหิ้วมาให้ในตัวทำให้สามารถยิงได้จากระยะไกลกว่าข้าศึกได้ แต่ข้อเสียของมันก็คือ มันเล็งได้ช้ามากเพราะรูสโคปค่อนข้างเล็กต้องเอาตาอยู่ห่างในระยะโฟกัสของ มันทำให้สู่ระยะประชิดลำบากจึงมีการพัฒนารุ่นA2ออกมาที่เป็นรางสำหรับใส่ ศูนย์เปิดหรือศูนย์เล็งReddotได้ทำให้ข้อเสียเปลียบเรื่องระยะในดารยิงไกล้ห ายไป และสุดท้ายรุ่นA3 มีการใส่รางทั้งชุดหน้าเพื่อใส่อุปกรณ์ต่างๆอย่างเช่นไฟฉาย เลเซอร์ ขาทรายได้อีกด้วย พร้อมทั้ง bolt carrier หรือตัวแขวนลูกเลื่อนเวลาลูกกระสุนหมดลูกเลื่อนจะค้างเพื่อเวลาใส่แม็กกาซีน ใหม่จะได้ไม่ต้องดึงคันรั้งเหมือนในเกมที่เคยๆเล่นกันมา แค่กดปุ่มที่อยู่ด้วนข้างตัวปืนเท่านั้น(ระบบนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัย M16แล้วครับ)

AR-15,M-16,M-4

AR-15 series(M-16,M4)














ปืนAR-15 เป็นต้นแบบของM16ครับ ซึ่งต่อมาได้ทำปืนไรเฟิลจู่โจมแบบใช้ต่อสู่ระยะประชิด อย่างXM733 และมาเป็นM4ในที่สุดครับ แรกเริ่มเดิมที่M16ถูกใช้ในสงครามเวียดนามครับ แต่ก็แพ้เพราะปืนทำพิษ เอาไว้จะมาเล่าในย่อหน้าต่อไปครับ


เริ่มที่ M16ครับรูปที่1 M16A1รูปที่2 รูปที่3 M16A2 รูปที่4เป็นรูปUpperหรือส่วนบนของปืนครับเป็นUperของM16A3ครับ








ทั้ง หมดต่างกันอย่างไร ในส่วนของM16และM16A1 ต่างกันที่ปุ่มกดด้านหลังช่องคัดปลอกครับ ปุ่มนี้เมื่อกดแล้วแก๊สที่ค้างอยู่ภายในปืนจะระบายออกครับทำไมต้องมีปุ่มอัน นี้ด้วยอะย่อหน้าต่อไปจะบอกให้ฟัง(   )ต่อมาM16A2 มีการปรับปรุงรูปลักษณ์จากA1ค่อนข้างมาก ที่เพิ่มมาจะเป้นประกับหน้าที่เปลี่ยนไป กลิ๊บจับมีร่องนิ้วขึ้นมา มีเนินสำหรับกันปลอกกระสุนด้านหลังช่องคัดปลอกเพราะว่าM16และM16A1 ไม่มีตัวนี้ปลอกมันเลยกระเด็นเข้าหน้าคนยิง(ฮา)(สังเกตุที่ รูปบนเลนได้เลยครับ a1 ไม่มี ที่กั้นกระสุนแด้งเข้าหน้า)ศูนย์หลังมีการเปลี่ยนไปให้ สามารถปรับระยะสูงต่ำได้เพื่อระยะปรับไกล้-ไกล ครับ ต่อมาเป็นM16A3 และ M16A4(อ้าวมีA4ด้วยหรอ) ไม่ต่างจากM16A2ครับที่ต่างออกไปคือสามารถถอดหูหิ้วได้เพื้อเอาไว้ติดศูนย์ เล็งReddot หรือ กล้องSniper แต่M16A4 ไม่สามารถยิงออโต้ได้ครับ จะเปลี่ยนจากออโต้เป็น3นัดแทน









จาก ย่อหน้าที่แล้วบอกว่าM16เป็น1ในสาเหตุของการแพ้สงครามเวียดนามสินะครับ เหตุผลเพราะว่าปืนตระกูลARเป็นปืนที่อ่อนแอผิวแพ้ง่าย เจ้าสำอาง ปืนคุณหนู เนื่องจากระบบขับดันลูกเลื่อนเป็นระบบท่อแก๊สขับลูกเลื่อนโดยตรงถ้ามีฝุ่นฝง ทราย น้ำ โคลน หรืออะไรที่ทำให้สกปรกไปติดอยู่ในนี้มันจะยิงไม่ออก ยิงออกแต่ไม่โหลดกระสุนลูกใหม่ ที่เลวร้ายที่สุดคือ Upper ระเบิดออกมาเลยทีเดียว เมื่อM16เจอกับสภาพอากาศแบบในป่าอย่างในเวียดนาม ปืนก็ติดขัดเจอไอ้กงยิงตายแถมพวกไอ้กงมุดรูออกมาตุ๋ยหลังอีกต่างหาก แล้วยังมีอีกเรื่องแก๊สค้างในปืนอีกเป็นสาเหตุให้ปืนขัดลำกล้อง จึงมีการใส่ปุ่มกดคลายแก๊สมาในM16A1นี่เองครับ


จากรูปเป็นระบบแก๊สขับดันลูกเลื่อนโดยตรงครับ ระบบนี้มีแค่ไอ้กันที่คิดมาครับพวกยุโรปโซเวียดไม่ใช้กันครับไม่อดทน






ตระกูล ARใช้ลูกกระสุนขนาด5.56x45mmเป็นปืนรุ่นแรกที่ใช้เลยครับเพราะว่าลูกกระสุน สามารถทำความเร็วได้สูงกว่าลูก 7.62x51mmที่ความเร็วต่ำกว่า ลูก5.56นี่น่าถึงจะหน้าตัดเล็กแต่ความเร็วสูงเข้ารุเล็กออกรูใหญ่มากเพราะ ว่าเกิดจากแรงระเบิดของอากาศจากความเร็วสูงครับ แต่ด้วยที่ขนาดเล็งลงจากเดิมนี่มันทำให้เบาขึ้นเยอะเลยนะ ทหาร1นายจึงแบกลูกได้มากขึ้นกว่าลูก7.62แบบเดิม จากในรูปที่1เป็นแม็ก20นัดครับ จากนั้นไอ้กันมันเห็นAKใส่ได้30นัดแถมลูกก็ใหญ่กว่า เออว่ะกุทำ30นัดมั่งดีกว่า ความแม่นยำของARทุกรุ่น แม่นมากครับเมื่อเทียบกับปืนรุ่นอื่นๆ และระบบศูนย์หลังที่มองผ่านรูกลมๆทำให้เวลาเล็งแล้วเห็นเป้าได้ชัดเจนกว่า ศูนย์หลังร่องบากแบบของเยอรมันและรัสเซีย


ต่อมาก็เอาM16A2มาตัดหน้าให้สั้งลงกลายเป็นXM733 ครับ แล้วก็เปลี่ยนUpperให้เป้นรางแล้วใส่หูหิ้วแบบถอดได้แทนครับกลายเป็นM4นี่เอง








AK-74

AK-74







Avtomat Kalashnikov รุ่นต่อมาหลังจากที่AK47ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เนื่องด้วยลูก7.62x39แบบเดิมมีความเร็วปากลำกล้องที่ต่ำ ถึงแรงปะทะจะสูงบาดแผลที่เกิดจากAK47นี่เป็นเหมือนรูใหญ่ๆที่มีขนาดรูเข้า -ออกเท่าๆกัน หรือว่าอาจจะไม่ออกมาก็เป็นได้ เพราะนอกจากลูกจะใหญ่แล้วยังความเร็วต่ำอีกต่างหากทำให้สูญเสียความเร็ว ได้ง่ายไม่เหมือน7.62Nato ที่มีปริมาณดินขับที่มากกว่า ประกอบกับตอนนั้นอเมริกาได้ทำM16ออกมาใช้ด้วยลูก5.56ที่ทำความเร็วได้สูง มากๆ ทำให้บาดแผลที่โดนยิงเข้าไปรูนิดเดียวแต่ด้วยแรงระเบิดของโซนิกบูมทำให้รู ที่ออกมานั้นใหญ่น่าดูทำให้มีโอกาศโดนจุดสำคัญมากกว่า และด้วยความเร็วที่สูงทำให้ลูกเข้าเป้าได้เร็ว อีกด้วย คลาวนี้โซเวียตไม่ยอมมั่งแล้ว






เอาให้ลูกเล็กกว่าปลายแหลมกว่า จึงได้ถือกำเนิดลูกกระสุนขนาด5.45x39 ขึ้นมา ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกันกับ ลูก5.56ของอเมริกา แต่ด้วยความเล็กแหลมของมัน ทำให้มันเจาะเข้าไปในตัวเป้าหมายได้ง่ายกว่า ศูนย์เสียความเร็วน้อยกว่า นั้นเอง
AK74 เริ่มพัฒนาในราวๆปี1960ซึ่งเป็นยุคของM16นั้นเอง และปืนต้นแบบมาสำเร็จเอาในปื1970(ในรูปแรก) และลงตัวในปี1974จึงกลายมาเป็นที่มาของAK74นั้นเอง(เหมือนกับAK47 ทำเอามึนๆเหมือนกันครับตอนแรกๆว่ามันชื่ออะไรกันแน่ 47-74 โอยงง)
แต่ด้วยระบบที่ยังเหมือนกับAK47ทำให้ความทนทานยังคงเดิม







มี รุ่นที่ใส่พานท้ายแบบพับได้อีกด้วยในชื่อAK74S และเปลี่ยนมาใช้ประกับ-พานท้ายเป็นโพลิเมอร์ในชื่อAK74Mเพราะว่าผลิต ง่ายกว่าเอาไม้มาเหลา ปากลำกล้องติดตั้งMuzzle Breakเอาไว้เพราะว่าลูก5.45เล็กและเบาเกินไปจึงทำให้โดนมวนของแก๊สแล้วเสีย ทิศทางที่ควรจะเป็นได้ง่ายอีกด้วย แม็กกาซีนทำจากโพลิเมอร์อีกเช่นกันบรรจุ30นัด
















และต่อมาได้พัฒนาAK74ให้สั้นลงเพื่อความคล่องตัวในการเข้าตู่สู้ระยะประชิด หรือในที่แคบอย่างในตึกอีกด้วย





จึงได้ถือกำเนิดAK74U หลังจากAK74 6ปี(1980) โดยใส่พานท้ายแบบก้านเหล็กพับได้เท่านั้นเพื่อความเบาและคล่องตัว






ปาก ลำกล้องทำให้บานแบบปากแตรเพื่อกระจายมวลของแก๊สออกไปรอบทาง ส่วนทำไมไม่ติดMuzzle breakแบบเดิมอันนี้ผมก็ไม่ทราบครับคงเพราะง่ายต่อการติดเก็บเสียงกระมัง








อัน นี้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบจุดชนวนด้วยกระสุนปืน ชื่อBS-1 Tishina ซึ่งเมื่อยิงลูกระเบิดออกไปแล้วยังใช้เป็นอาวุธรองในจังหวะที่กระสุนหลังหมด ในเวลาคับขัดได้อีกด้วย

AK-47

AK-46 , AK47







ปืนAKหรือชื่อย่อของ Avtomat Kalashnikov ที่มีความหมายว่า คาราชนิคอฟแบบออโตเมติก
หรืออาก้าที่เรียกๆกันนี้ มีมากมายหลายรุ่นครับมากเลยครับ
จะเริ่มยกมาตั้งแต่รุ่น AK47เลยแล้วกันครับ


AKรุ่นนี้ เข้าประจำการในโซเวียตเมื่อปี1947 โดนผู้ออกแบบคือนาย Kalashnikov ทหารในกองทัพโซเวียตแต่ว่าจริงๆแล้วAK47









ไม่ ใช่ปืนรุ่นแรกที่Kalashnikovออกแบบครับ คือรุ่นAK46 แต่ในปีถัดมาได้พัฒนาสรุ่น47ในปีต่อมา AK46จึงได้หายๆไปเพราะจำนวนที่ผลิตยังไม่มาก ต้นแบบระบบของAK ได้รับมาจากเยอรมัน โดนปืนต้นแบบคือ MP44 ที่เป็นปืนระบบขับดันลูกเลื่อนด้วยลูกสูบ (ปืนสัญชาติรัซเซียก่อนAK46ก็มีครับใช้ระบบลูกสูบเหมือนกันแต่Kalashnikov ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ)
ระบบขับดันลูกเลื่อนด้วยลูกสูบเป็นระบบที่ดีและมี ประสิทธิภาพมากที่สุดครับ เพราะแก๊สที่เกิดจากการระเบิดของดินขับจะดันลูกสูบที่ต่อกับลูกเลื่อนโดยตรง ทำให้ไม่เกิดการอุดตันของฝุ่นได้ง่ายเหมือนปืนระบบAR ที่แค่ท่อนำแก๊สงอนิดหน่อยแรงดันก็ไม่พอจะดันลูกเลื่อนแล้วครับ จึงไม่กลัวติดขัดเมื่อจมน้ำจมโคลน จมทราย อากาศหนาว หรือปืนไฟไหม้ก็ยิงได้ครับ
และด้วยบอดี้ที่เป็นเหล็กล้วนๆทำให้แข็งแรง มากครับ ซึ่งเป็นแนวคิดของนายKalashnikovว่าจะทำปืนที่ทนทานไม่ติดขัด เพราะว่าโซเวียตนั้นอากาศหนาวปืนจึงเกิดการขัดลำกล้องได้ง่าย แต่ก็แลกมากับความหนักของมันถึงเกือบ5กิโลเมื่อบรรจุลูกกระสุน ปืนAK47ถูกผลิตขึ้นมาจำนวนมากมากพอจะผู้ก่อการร้ายทั่วโลกใช้กันเลยหละ ด้วยที่เป็นปืนที่ทนต่อสภาพอากาศสุดขีดของสถานที่ต่างๆได้ไม่ว่าจะ ป่าดงดิบ ทะเลทราย หรือแม้กระทั่งแถวทะเล











ลูกกระสุนขนาด7.62x39 สร้างแรงปะทะที่สูงมากสามารถหยุดยั้งเป้าหมายได้ทันทีที่โดนยิง แต่ด้วยแรงถีบที่สูงมากจากแรงระบิดของดินขับและระบบรับแรงถอยที่ซับแรงถอย ได้ไม่มากจึงทำให้ปืนสบัดขึ้นอย่างรุนแรงเลยทีเดียว ความแรงที่มากจึงมาพร้อมกับแรงสะบัดที่มากเช่นกัน ระบบศูนย์แบบศูนย์หลังร่องบากที่รับมาจากเยอรมันทำให้วิศัยทัศน์การมองไม่ สู้ดีนักเหมือนกับระบบศูนย์หลังรูแบบของอเมริกา ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้จึงทำให้ความแม่นยำในการยิงนัดต่อไปนั้นนั้นไม่สู้ ดีนัก






ลูกกระสุนบรรจุอยู่ในแม็กกาซีนจุ30นัด แต่ก๋มีแบบจุ40นัด แม็กกาซีนแบบตลับจุ75นัด และแบบ 100นัดอีกด้วย






75 round







                                                                            100 round


















ยัง มีรุ่นAK47-s ที่พานท้ายเป็นแบบพับเข้าด้านล่างจึงไม่เกะกะเวลาพับพานท้าย(ต้นแบบพานท้ส ยแบบนี้มาจากเยอรมันเหมือนกันคือMP40) แต่พานท้ายแบบไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าที่ควรด้วย
และพัฒนามาเป็นAKM AKMS ที่เปลี่ยนกลิ๊บจับเป็นโพลิเมอร์ เพิ่มmuzzle compensatorเพื่อลดการสะบัดของปืน และเพิ่มรางด้านข้าง ไว้เพิ่อสำหรับติดตั้งศูนย์เล็งแบบต่างๆ ออกแบบแม็กกาซีนใหม่ที่เป็นโพลิเมอร์ลดน้ำหนักลงอีกด้วย





วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Kriss Super V

Kriss Super V








ปืนSMG บอดี้โพลิเมอร์จาก TDI สหรัฐอเมริกาตัวนี้ตอนผมเห็นครั้งแรกใหม่ๆ เห้ยยังกะปืนยิงตะปู พอมาศึกษาระบบแล้ว โอ้วยัดม่า มันสุดยอด เดี๋ยวว่ากันอีกที แรกเริ่มTDIคิดค้นปืนระบบนี้ในชื่อ TDI Vactor (แล้วค่อยมาใช้ชื่อKrissทีหลัง) เริ่มต้นโครงการในปี2006 และสำเร็จผลิตขายออกมาในปี2009


ลิงค์เพิ่มเติม
http://www.youtube.com/watch?v=7Ur4tWh5jrY


http://www.youtube.com/watch?v=pnKd6iXHTQg&feature=related











มาว่าด้วยระบบของKrissล้วนๆก่อนเลย แล้วกัน Krissใช้ระบบลูกเลื่อนแปลกจากชาวบ้านเค้าคือแทนที่มันจะวิ่งถอยหลังเป็นเส้น ตรงอย่างชาวบ้านเค้าที่มีกันมานานหลายร้อยปีแล้วแต่Kriss ใช้ระบบวิ่งลง ทำให้แรงถอยของลูกเลื่อนวิ่งลงเป็นแนวเฉียง ทำให้หักล้างแรงระเบิดจากลูกปืนด้วย แรงสะบัดเลยแค่นิดเดียวเท่านั้นเองแทบจะไม่สะบัดเลยด้วยซ้ำ ประกอบกับจุดศูนย์รวมน้ำหนักของปืนอยู่ต่ำ ดูได้จากชุดลั่นไกที่อยู่จรงนั้น (ตรงไหนฟะ) ทำให้เวลายิงจะควบคุมปืนได้ดีมากๆเพราะว่าแทนที่ปากลำกล้องจะสะบัดแต่ส่วน ที่สะบัดคือตรงกลางตัวปืนแรงสะบัด ทำให้แรงสะบัดกระทำลงที่มือทั้ง1ข้างและถ่ายลงพานท้ายด้วย ทำให้เกิดการกระจายแรง








Kriss ใช้ลูกกระสุนขนาด.45ACP หรือ.45Autoหรือ11มม. บรรจุในแม็กกาซีน13นัดของGlock21 หรือใช้แม็กกาซีน30นัดก็ได้ และยังมีรุ่นที่ใช้9mm และ .40S&W อีกด้วยนะครับ แรงรีคอยด์ของ.45ที่ยิงจากKrissต่ำกว่า.45ที่ยิงจากSMGอืนๆหลายขุมเลย และมีอัตรการลั่นกระสุนสูงถึงกว่า1000นัดต่อนาที (รุ่นต้นแบบสูงถึง1500เลยหละ)


ดูเอาว่ามันหมด30นัดเร็วแค่ไหน


http://www.youtube.com/watch?v=cqw2ENtN9s8&feature=related


โหมดการยิงของKirssมีด้วยกัน3โหมด 1นัด 2นัด และฟูลออโต้ ทำไมไม่ทำให้ยิง3นัดฟะงง รุ่นสำหรับพลเรือนก็มีนะแต่ยิงได้แค่เซมิ1นัด และมีเซฟไกอยู่เหนือไกพอดีบริหารง่าย มีระบบแขวนลูกเลื่อนด้วยทำให้ง่ายต่อการรีโหลด มีทั้งรุ่นลำกล้องสั้น140mmและลำกล้องยาว406mm ยิงหวังผลได้ไกล50เมตรโดยประมาร และพิศัยไกลราวๆ100เมตร

FN P-90

FN P-90







SMG PDW วัสดุโพลิเมอร์รุ่นแรกๆของโลกเลยครับP90เป็นปืนสัญชาติเบลเยี่ยมจาก บ.ผลิตอาวุธเก่าแก่ของโลกอย่างFN หรือย่อมาจาก Fabrique Nationale ตอนที่P90ออกมาอวดโฉมให้โลกได้รับรู้พวกหัวโบราณยังคิดเลยว่าแบบนี้เรียกว่า ปืนด้วยหรอ รูปร่างของมัน แปลกพิศดารมาก แต่เห็นแบบนี้P90เป็นปืนSMGที่มีศักยภาพสูงมากกระบอกนึงของโลกเลยครับ ด้วยความที่เป็นโพลิเมอทำให้P90พร้อมลูกกระสุนหนักเพียง3กิโลเท่านั้นเอง และด้วนความเป็น Bullpup <หรือปืนที่มีรังเพลิงอยู่หลังไกปืนสังเกตุได้จากทางเข้าลูกกระสุนครับ >ทำให้ตัวปืนนั้นสั้นมากครับแต่ยังมีลำกล้องที่ยาวพอที่จะทำความแม่นยำ ได้ครับ


ลิงค์เพิ่มเติม


http://www.youtube.com/watch?v=0C0dmGeE4MI








ลูกกระสุนขนนาด 5.7x28mm สร้างมาเฉพาะปืน2รุ่นคือFN P90 และ FN 5-7(ติดตามได้ในหมวดปืนสั้นครับ)


ที่ ออกแบบมาให้มีอำนาจทะลุทะลวงสูงมาก(ขนาดทะลุเกราะกันกระสุนแบบมาตฐานได้เลย) แต่จะฝังในเป้าหมายโดยไม่ทะลุออกไปด้านหลัง แรงระเบิดของดินขับค่อนข้าต่ำทำให้P90เป็นปืนที่Recoil(แรงถีบกลับ)น้อยมาก อีกกระบอกนึงทำให้ผู้ยิงสามารถยิงนัดต่อไปได้อย่างแม่นยำ และความเร็วในการลั่นกระสุนสูงถึง900นัดต่อนาทีอีกด้วย




แม็กกาซีนถูกออก แบบมาอย่างไม่เหมือนใครโดยให้ลูกกระสุนขวางตามความยาวของแม็กและมากลับหัว ที่ปากแม็กดังรูป ด้วยการเรียงขวางตามยาวจึงทำให้จุลูกกระสุนได้ถึง 50นัดโดยไม่เกะกะแต่อย่าง ได
โดยจะเข้าสูงรังเพลิงทางด้านบนของตัวปืนและปลอกจะออกจากทางด้านล่าง ของตัวปืน และด้วยคันชักลูกเลื่อนที่ติดตั้งไว้ทั้ง2ด้านตัวปืนจึงมีความสมมารตรกัน ทั้งซ้าย-ขวา(Death The Kid คงชอบนะครับ   )ทำให้ผู้ยิงที่ถนัดซ้าย-ขวาใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกันโดยคนยิงซ้ายไม่ต้อง กลัวว่าปลอกจะกระเด็นโดนหน้า ตัวปรับโหมดการยิงอยู่ใต้ไกทำให้เลือกปรับเซฟ เซมิ หรือออโต้ได้อย่างง่ายดายและว่องไว






ตัวปืนมีการติดตั้งศูนย์เล็ง แบบReddotมาให้จึงไม่จำเป็นต้องมานั่งจัดศูนย์นั่งแท่นให้เสียเวลาเพราะการ ต่อสู้ระยะใกล้ใครเล๊งและเหนี่ยวไกได้ก่อนก็จะได้เปรียบ และยังมีรุ่นที่เป็นรางทำให้ใส่ศูนย์เล็งแบบอื่นๆได้อีกด้วย


( น้องสาวคนนี้รับประกันเลย >////< )




การจะพูด ว่าP90เป็นปืนSMGที่ดีที่สุดในโลกก็อาจจะไม่เกินเลยนัก เพราะว่าตัวปืนมีน้ำหนักเบาจนถือ2กระบอกยิง2มือได้ ความแม่นยำก็มากพอกับพื้นที่ปฏิบัติการ ลูกกระสุนจุได้มากโดยไม่เกะกะ คนที่ถนัดซ้าย-ขวาสามารถใช้ปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่ากัน รีถีบต่ำทำให้นัดต่อไปที่ยิงไม่คลาดจากนัดแรกมากนัก สามารถปรับการยิงได้อย่างว่องไว คุณสมบัติเท่านี้ก็เป็นปืนที่เรียกได้ว่าปืนในอุดมคติได้แล้ว แต่ด้วยราคาของทั้งตัวปืน กระสุนที่เป็นขนาดเฉพาะ และอะไหล่ที่ต้องสั่งจากเบลเยี่ยมเท่านั้น
จึงไม่แพร่หลายในโลกนัก จะมีก็แต่ทางยุโรปเท่านั้นเอง